แม้รู้ว่าการถกเถียงนี้สุดท้ายก็ไปจบแค่ว่ามันคืออะไรกันแน่เท่านั้นเอง หามีแก่นสารใดๆ เอาไปใช้ประโยชน์ได้เลยไม่
แต่ก็รู้สึกว่าการจดความคิดที่ประมวลไว้ได้ตอนนี้เสียหน่อยก็น่าจะคุ้มค่าและน่าจะดีครับ เผื่อไว้ว่าถ้าวันหนึ่งเปลี่ยนความคิดไปแล้วและเมื่อย้อนกลับมาดู จะเช็คได้ว่าตอนนี้คิดอะไรผิดไปบ้าง
แต่ ณ วันนี้ยังคงเชื่อเหมือนเดิม ว่า
- คนทำ UI มีความรู้เรื่อง UX จากงานในอดีต
- ในทุก UI มี UX แต่ไม่ใช่ทุก UI ให้ Good UX
- UX development คือความพยายามค้นหาเฉพาะ Good UX
- UX และ UI หากทำได้ควรแยกคนกัน เพราะขนาดงาน
1. คนทำ UI มีความรู้เรื่อง UX จากงานในอดีต
ตั้งแต่ลูกค้าบรีฟงานให้เราจนถึงตอนเทสต์ จนถึงส่งมอบ จนถึงแก้หลังส่งมอบไปแล้ว ฯลฯ ทุกอย่างล้วนเป็นข้อมูลในเชิง UX ไม่ต่างจากการทำ Usability Testing หรือ A/B Testing ดังนั้น คนทำงานมามากๆ จะมีความรู้เรื่อง UX เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยอัตโนมัติ
แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเราจะเรียกตัวเองเป็น UX/UI designer ไม่ได้ล่ะ? นั่นสินะครับ
สมมติว่าเรารับงานออกแบบซองขนมขบเคี้ยวให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าหนึ่งอยู่เป็นประจำ เราจะรู้ทันทีว่าสเปคที่ลูกค้าใช้และชอบมักจะไปทางไหน (เพราะเราเคยส่งงานอันที่ลูกค้าไม่ชอบให้หลายครั้งแล้วเหมือนกัน) โอกาสทำงานได้ถูกใจลูกค้าเจ้านี้รวมทั้งใช้เวลาในการพัฒนารูปทรงสีสันจะค่อยๆ น้อยลงตามจำนวนงานที่ทำ
ในอนาคตหากเรารับงานซองขนมขบเคี้ยวให้กับบริษัทอีกแห่ง เราจะพบว่าเราเดาใจลูกค้าเจ้านี้จากประสบการณ์ในการทำงานก่อนหน้านี้ได้ แต่หากเราเปลี่ยนไปรับงานดีไซน์โปสเตอร์ให้กับโรงละครแทน เราจะรู้เองทันทีว่าประสบการณ์ในการทำงานกับซองขนมขบเคี้ยวนั้นมีประโยชน์น้อยมากหรืออาจไม่มีประโยชน์เลย
ผมพยายามจะสื่อให้เห็นภาพว่าคนทำ UI ทุกคนล้วนรู้ UX จากงานที่ทำ แต่ไม่อาจเรียกได้ว่ารู้ครอบจักรวาล การติดฉลากว่าเราทำงาน UX ด้วยทั้งๆ ที่งานหลักของเราคือ UI จึงเป็นการพูดถึงสิ่งที่เรายังไม่รู้ หรือไม่ได้ทำรวมไปด้วย ซึ่งไม่น่าจะเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ลูกค้าของเรา
2. ในทุกๆ UI มี UX แต่ไม่ใช่ ทุก UI ให้ Good UX
ทุก UI นั้นสร้างจากประสบการณ์ของใครสักคนเสมอ เป็นได้ทั้งประสบการณ์ของลูกค้า ของผู้ใช้ ไปจนถึงประสบการณ์ของ UI Designers… ปัญหาคือ UX ทั้งหลายที่เกิดจาก UI ถุงขนมทุกๆ ตัวข้างต้นนั่นเรียกเป็น UX จริงๆ หรือ?
จากตรงนี้ผมจำเป็นจะต้องตกลงกับผู้อ่านก่อนครับว่าเวลาเราพูดถึงคำว่า UX ขึ้นมาลอยๆ ทั้งในสายวิชาชีพ UX และ UI นั้นเป็นปัญหาสำหรับเราทั้งคู่ เพราะฝั่งคนทำ UX จะเข้าใจตรงกันครับว่าการทำ UX (UX Development) นั้นหมายถึงการ “ทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้ดีขึ้น” (เพราะไม่มีผู้ว่าจ้างคนใดจะจ้างเรามาพัฒนาให้ประสบการณ์ผู้ใช้แย่ลงแน่นอน) แต่ในถุงขนมข้างต้นนั้นมีทั้งดีไซน์ที่ดีและไม่มีปะปนกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น จากเรื่องข้างต้น เรากำลังพูดถึงงาน UI ที่มีทั้ง Good UX และ Bad UX ไปพร้อมๆ กัน ส่วนคนทำ UX พยายามพูดถึงเฉพาะ Good UX เท่านั้น เราจึงเห็นว่าไม่ใช่ทุก UI ที่วาดออกมาจะให้ UX (ซึ่งหมายถึงเฉพาะ Good UX) ได้ ปัญหาคำว่า UI = UX ที่มีปัญหากันอยู่ทุกวันนี้ก็เกิดมาจากเรื่องนี้ เพราะเรานิยามความหมายไม่ตรงกันระหว่างคนทำ UX และคนทำ UI
เพราะการที่เราได้เรียนรู้ว่างานที่เคยส่งไปแล้วไม่สวยนั่นคือ Bad UX ในสายตาลูกค้าซึ่งโดยมากเราจะเลี่ยงไม่ทำอีกในงานถัดมา คงเหลือแต่ความพยายามในการใช้เทคนิคส่วนที่เราเคยทำแล้วลูกค้าพอใจ กระบวนการคัดแยกดีไซน์ถุงขนมที่ไม่ผ่านออกไป คือตัวอย่างที่ผมใช้สรุปว่าในดีไซน์ถุงขนมทุกชิ้นมี UX ก็จริงแต่ไม่ใช่ Good UX ตามนิยามของการทำ UX เสมอไป
3. UX Development คือความพยายามค้นหาเฉพาะ Good UX
จากตัวอย่างข้างต้นผม จึงสรุปเป็นข้อต่อมาว่าการเจอประสบการณ์ผู้ใช้อันที่แม่นยำที่สุดหรือ Good UX ในครั้งแรกที่ออกแบบเป็นเรื่องที่แทบเกิดขึ้นไม่ได้ในชีวิตจริง กรณีเดียวที่ผมพอยอมรับได้คือเมื่อเราทำของนั้นขึ้นเพื่อใช้ของเราเอง เพราะเราคือประสบการณ์เดียวที่ต้องวิจัยแล้วเราก็เป็นคนออกแบบ UI สนองประสบการณ์นั้นเองด้วย (แต่ถึงเราเป็นคนออกแบบเองจริงๆ บางทีเราก็ยังไม่ค่อยชอบมันเลยก็ยังมีนะ)
เพราะเหตุผลข้อนี้ผมจึงรู้สึกขัดๆ เวลาเรียกคนทำงาน UX ว่า UX Designer เพราะโดยอาชีพแล้วเขาน่าจะเป็น UX Developer ผู้พยายามนำพางานไปสู่ UX ที่ดีขึ้นทุกวันๆ มากกว่า เพราะประสบการณ์ผู้ใช้ทุกอันล้วนเป็นการพัฒนาต่อยอดจากประสบการณ์ “ของผู้ใช้” ที่มีอยู่ก่อนแล้ว ส่วนคำว่าการออกแบบ UX หรือ UX Designing นั้นมีอยู่จริงนะครับแต่เป็นแค่งานขณะหนึ่ง ในการ develop ทั้งกระบวนการเท่านั้น
4. คนทำ UX และ UI หากทำได้ควรแยกคนกัน เพราะขนาดงาน
อีกครั้งที่อยากพูดถึงอาชีพ UX/UI Designer ซึ่งโดยมากมักเป็นคนที่ทำ UI เก่งๆ ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรนะครับ แต่จากข้อ 3 ผมอยากเสนอให้ท่านเรียกตัวเองว่า UX Developer/UI Designer ไปเลยก็จะครบถ้วนกว่าด้วยซ้ำ… แต่ทีนี้ หากเรามานั่งดูขนาดงาน (job description) ของ 2 อาชีพนี้ในคนเดียวกันจริงๆ ตามที่เป็นมาตรฐานฝรั่งเขาเขียนกันเป็นตำรับตำราจนทุกวันนี้ ผมระแวงแค่ว่า คนที่จะใช้ชื่ออาชีพนี้ในการทำงานทุกวันนี้ทำได้ทั้งสองส่วนจริงๆ หรือเปล่าเท่านั้นเอง หรือเปลี่ยนยี่ห้อเพื่อให้ดูหรูหราขึ้นเท่านั้นโดยไม่ได้นึกถึงคนทำอาชีพอีกฝั่งจริงๆ เลย
ผมตั้งคำถามนี้เพราะทั้ง 3 developments ในฝั่ง UX Developers จริงๆ –ตั้งแต่ usability research ถึง engagement development ถึง conversion development จะแค่อันใดอันหนึ่งหรือจะทั้ง 3 เลยก็ตาม– ทุกงานล้วนบริโภคพลังงานและเวลาสูงทั้งนั้น อย่างไรก็ดีผมว่า 2 developments หลังทำได้ง่ายเพราะเครื่องมืออย่าง Web Analytics ช่วยไว้เยอะมากแล้ว แต่งาน usability research นี่ผมนึกไม่ออกเลยว่าขณะพยายามสเก็ตช์ UI ให้ออกมาสวยๆ ให้ได้เยอะๆ ก่อนลงมือจริงนี่จะเอาเวลาที่ไหนไปทำแบบทดสอบแล้วก็ทำแล็บสัมภาษณ์ผู้ใช้ไปด้วย?
ก็ถ้าจะเรียกตัวเองว่า UX/UI Designer ล่ะ?
จริงๆ ผมไม่อยากเถียงไปเถียงมานะ อยากจะใช้ชื่อตำแหน่งว่า UX/UI Designer ต่อไปก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะมันก็พอเป็นไปได้ถ้าคนทุ่มเทพอ แต่ก็นั่นแหละ พอมองมุมเรื่องเวลาก็นึกไม่ออกว่าจะต้องขยันขนาดไหน แล้วถ้าขยันขนาดนั้น มองเรื่องค่าตัวก็จะยิ่งเห็นว่ามันไม่คุ้มกับราคาที่จ้างกันทุกวันนี้เลย (ผมคิด: ถ้าทำได้ทั้ง UX Development และ UI Design จริงๆ คนนี้ค่าตัวควรเกินแสนบาทต่อเดือนนะครับ) อีกประการคืองานมันไม่ใช่งานหนึ่งหนัก อีกงานหนึ่งเบาอย่างที่เราเข้าใจกัน แต่ทำไมคนถึงพยายามเป็น UX/UI Designer กัน? ใช่! ในบริษัทเล็กๆ เราต้องทำทั้งสองอาชีพได้ในคนเดียว แต่เชื่อผมเถอะครับว่าหากสถานการณ์ไม่ต้องบังคับให้เราทำคนเดียวไม่มีใครอยากทำสองอาชีพนี้พร้อมๆ กันในคนเดียวหรอก ส่วนในบริษัทใหญ่ๆ หากต้องการผลที่เที่ยงตรงขึ้นผมเชื่อว่างานนี้ถ้าไม่เกิดเป็นอีกตำแหน่งหนึ่งในทีมขึ้นมา งานส่วนนี้มักจะอยู่ที่ Product Manager หรือ Head of Product ที่จะต้องเป็นคนลงมือเรื่องเทสต์ในทาง UX development ครับ
ดังนั้น ถ้าเราเป็น UI Designer ที่บังเอิญต้องเป็น Project Manager เองด้วย กรณีนี้เราเป็น UX Dev/UI Designer น่ะถูกต้องเลย แต่ก็นั่นแหละครับ ไม่ค่อยจะเจอสองคนนี้เป็นคนเดียวกันถ้าไม่ใช่บริษัทเล็กๆ ที่ต้องจำกัดเรื่องกำลังคน
มาถึงตรงนี้ ผมจึงมองการเรียกตัวเองเป็น UX/UI Designers ในเมืองไทยนั้นเหลือแค่ประเด็นเดียวคือเรื่องการพยายามอัพค่าตัวของ UI Designers ด้วยการเปลี่ยนชื่อเท่านั้นเองทั้งที่ปัญหาจริงๆ ของเรื่องนี้คือ UI Designers ในเมืองไทยทุกวันนี้เราเสนอราคากันต่ำเกินไปต่างหากครับ… เพราะไม่มีงานของใครเรียกว่าง่ายได้หากต้องใช้ชั่วโมงฝึกฝนเพื่อให้เก่ง และหากเราเก่งจริง คนอื่นควรให้ราคาที่เหมาะสมกับฝีมือเราครับ
อาชีพหนึ่งก็ควรจะเรตราคาหนึ่ง และสำหรับสองอาชีพที่ควรแยกกันนี้ผู้จ้างควรทราบแก่ใจอยู่แล้วว่าถ้าต้องการเนื้องานจริงๆ เขาต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองอาชีพ แต่พอตอนนี้เรามีอาชีพสไตล์รับเหมา UX/UI Designs เกิดขึ้นแล้วทำทั้งสองอย่างได้ในราคาถูกลงครึ่งหนึ่ง ลูกค้าทำไมจะไม่เอา?
ปัญหาที่จะเกิดต่อไปคือต่อไป
- อาชีพ UX Developer จริงๆ จะไม่มีที่ยืน เพราะ “ราคาแพงเกินไปทำไมต้องจ้างแบบสองคน แบบคนเดียวก็มี”
- อาชีพ UI Designer ถูกเรียกร้องมากขึ้นแน่ๆ ในอนาคต (รอให้ลูกค้ามี learning curve สักพักก่อนนะครับว่าจริงๆ งาน UX development ต้องทำอะไรบ้าง)
ถึงตอนนั้นจะเป็นการที่ UX/UI Designers ทั้งหลายจะพาตัวเองเข้าสู่ความลำบากในอนาคตโดยสมบูรณ์ ด้วยการแก้ปัญหาง่ายๆ แต่ผิดวิธีกันอยู่ในวันนี้นั่นเองครับ